การบริหารโดยการเรียนจากชีวิตสัตว์/Management by Animals (MBA) # 3

 

บทความ MBA (Management by Animals) จะลงตามลำดับตัวอักษร A ไปจนถึง Z ซึ่งจะให้ข้อคิดจากชีวิตสัตว์เพื่อปรับประยุกต์กับชีวิตและการงาน เพราะปัญหาหลายอย่างจะแก้ได้ง่ายกว่าที่คิด ถ้าเราคุ้นเคยกับธรรมชาติ

Bat (แบท = ค้างคาว)


เอ่ยถึงชื่อ "ค้างคาว" ตอนนี้ผู้คนก็คงคิดไปถึงเหตุการณ์ไวรัสโคโรน่าระบาดครั้งแรกที่อู๋ฮั่น ประเทศจีน ที่เชื่อกันว่าเกิดจากเชื้อโรคในค้างคาว ก่อนหน้านั้นคนก็ไม่ค่อยพิสมัยค้างคาวซักเท่าไร คิดว่ามันเป็นสัตว์พาหะแพร่โรคพิษสุนัขบ้าบ้าง เป็นสัตว์ดูดเลือดที่มีแต่ตัวหมัดตัวเห็บบ้าง ยิ่งนักสร้างหนังไปโยงค้างคาวแวมไพร์กับแดร็กคูล่า คนก็เลยกลัวมากขึ้นไปอีก 

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ได้จากนักวิจัยระบุว่าในแต่ละปีจำนวนคนที่เสียชีวิตเพราะถูกผึ้งต่อยและสุนัขที่เลี้ยงทำร้ายมีมากกว่าที่ตายเพราะค้างคาว

โลกเรามีค้างคาวเกือบ 1,000 ชนิด มีเพียง 3 ชนิดเท่านั้นที่ดูดเลือดและที่มีเชื้อสุนัขบ้าก็มีไม่กี่ตัว และโดยธรรมชาติ ค้างคาวก็ไม่อยากมายุ่งเกี่ยวกับมนุษย์อยู่แล้ว

เรามาเปิดใจรู้จักค้างคาวกันดีกว่า ค้างคาวได้ฉายา "นกมีหู หนูมีปีก" เวลานอนหลับจะห้อยหัวลง ค้างคาวพันธุ์ที่เล็กที่สุดในโลกและถือเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เล็กที่สุดคือ "ค้างคาวกิตติ" ซึ่งพบได้ในประเทศไทย มีน้ำหนักตัวเพียง 1/3 ของเหรียญบาทขนาดเล็ก ส่วนค้างคาวขนาดใหญ่ที่สุดคือ "ค้างคาวแม่ไก่" ในชวาซึ่งเมื่อกางปีกเต็มที่จะยาวถึง 6 ฟุต

ค้างคาวชนิดต่าง ๆ จะเป็นชนิดกินแมลงราว ๆ 70% นอกนั้นกินผลไม้หรือดูดน้ำหวานจากดอกไม้ มีไม่กี่ชนิดที่กินเนื้อ  ที่จริง ค้างคาวเป็นสัตว์ที่ฉลาด สามารถทำให้เชื่องและนำมาฝึกได้ 

พฤติกรรมและลักษณะนิสัย ค้างคาวออกหากินตอนกลางคืน หลายแห่งจะพบค้างคาวอยู่รวมตัวกันในถ้ำเป็นหมื่น ๆ ตัว เวลาออกหากินจะกรูออกมาจากถ้ำพร้อมกับ เห็นเป็นเกลียวสีดำมองดูเหมือนควันมรณะ ค้างคาวมีระบบโซนาร์ (ระบบค้นหาเป้าหมายโดยใช้เสียงสะท้อน) ที่มีประสิทธิภาพและความไวมากกว่าระบบโซนาร์ที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นหลายพันเท่า เมื่อออกล่าหาอาหาร ค้างคาวจะส่งคลื่นเสียงออกจากตัว เมื่อคลื่นเสียงกระทบแมลงก็จะสะท้อนกลับมาหาค้างคาวและค้างคาวจะบินตรงหาเหยื่อทันทีไม่ว่าเหยื่อนั้นจะเล็กเท่ายุงหรือริ้นก็ตาม  ค้างคาวยังสามารถรู้ด้วยว่าสิ่งที่ส่งเสียงสะท้อนกลับมานั้นเป็นแมลงหรือวัตถุ ค้างคาวจึงสามารถหลบหลีกเส้นลวดเล็ก ๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.04 นิ้วได้สบาย

ค้างคาวออกลูกปีละ 1 ตัวเท่านั้น เมื่อออกหากินค้างคาวบางตัวจะเหน็บลูกไปด้วย บางตัวก็จะปล่อยลูกเล็ก ๆ เกาะกลุ่มกันในถ้ำ ด้วยความหนาแน่น 5,000 ตัว/ตรม. เมื่อแม่ค้างคาวกลับมา แต่ละตัวก็จะเรียกหาลูกและจะให้นมก็ต่อเมื่อพบลูกแล้ว บางครั้งมีค้างคาวบางตัวออกหากินไม่ได้ ตัวที่ได้อาหารมาก็จะแบ่งอาหารให้กิน  สิ่งที่น่าอัศจรรย์คือค้างคาวแต่ละตัวจับสัญญาณเสียงของตัวเองได้อย่างแม่นยำแม้จะร่วมฝูงกันเป็นแสน ๆ ตัว

สถิติที่น่าสนใจข้อหนึ่งคือ ค้างคาวกินแมลงสามารถจับยุงได้ 600 ตัวภายในหนึ่งชั่วโมงหรือ 3,000 ตัวเพียงแค่ในหนึ่งคืน

บทเรียนที่ได้จากค้างคาว

1. มนุษย์พัฒนาและเรียนรู้ระบบโซนาร์จากค้างคาว หรือที่เรียกกันว่า Echolocation

2. ความเป็นระเบียบในฝูงค้างคาวให้บทเรียนที่ดีด้านความเป็นระเบียบทั้งในชีวิต บ้านช่องห้องหอ รวมไปถึงการรจัดระเบียบองค์การและธุรกิจต่าง ๆ

3. ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือกันยามที่มีใครตกทุกข์ได้ยากหรือพบอุปสรรคของชีวิต

4. มูลค้างคาวทำเงินได้มหาศาล เป็นแหล่งที่มาของปุ๋ยชั้นเยี่ยม (มีค่ามากกว่า "ขี้" มนุษย์เป็นไหน ๆ !)





Comments

Popular posts from this blog

การบริหารโดยการเรียนจากชีวิตสัตว์/Management by Animals (MBA) # 15

การบริหารโดยการเรียนจากชีวิตสัตว์/Management by Animals (MBA) # 11

การบริหารโดยการเรียนจากชีวิตสัตว์/Management by Animals (MBA) # 13